รีวิวหนัง The Kitchen ต้องสารภาพตามตรงว่าความรู้สึกแรกเมื่อได้ดูภาพยนตร์เรื่อง “The Kitchen” จากอังกฤษเรื่องนี้คือ… ผมคิดว่าน่าจะเป็นแนวไซไฟระทึกขวัญที่มีการเสียดสีสังคมนิดหน่อยและมีแนวอันธพาลเบาๆ แต่ปรากฎว่าทุกสิ่งที่ฉันคิดนั้นผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะเรื่องนี้กลายเป็นหนังดิสโทเปียที่เข้มข้นและลึกซึ้งเกินคาด และยังมาพร้อมกับข้อความสำคัญที่ยากกว่าที่คุณคิดว่าหนังทุนกลางเรื่องนี้จะได้รับความสนใจและเน้นย้ำ
The Kitchen เปิดขึ้นในบรรยากาศดิสโทเปียในลอนดอน ที่กำลังประสบปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้นจนทะลุหลังคา ที่ผลักดันให้ชนชั้นแรงงานต้องอยู่รวมกันในแฟลตที่มีลักษณะคล้ายสลัม สถานที่แห่งหนึ่งคือ The Kitchen ที่อีซี่ชายหนุ่มสันโดษได้พบกับเบนจิ เด็กชายวัย 12 ปีที่เพิ่งสูญเสียแม่ไป พวกเขากลายเป็นคู่รักที่ติดตามกันในความสัมพันธ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ ท่ามกลางระบบทับซ้อนที่วุ่นวายกว่าที่คิด
นี่เป็นผลงานเรื่องแรกของ Daniel Kaluuya เจ้าของรางวัล Academy Award ในขณะที่เขาเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ พร้อมร่วมกำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกกับ “คิบเว ทาวาเรซ” และยังร่วมเขียนบทเรื่องแรกร่วมกับ “โจ เมอร์ทาก” ด้วยผลงานที่ออกมา ถือว่าน่าพอใจสำหรับผลงานเปิดตัวครั้งแรกของคาลูยา เต็มไปด้วยสัญลักษณ์และผสมผสานกับประเด็นและข้อความที่กัดกร่อนสังคมได้อย่างชาญฉลาด
ถ้าดูหนังเรื่องนี้คงทำให้หลายๆ คนคิดว่า The Kitchen น่าจะเป็นหนังไซไฟที่ซ่อนพลังการต่อสู้ในโลกอนาคตไว้ แต่ปรากฏว่าเนื้อหาของหนังเรื่องนี้แตกต่างออกไป ค่อนข้างเงียบและทรงพลังเกินคาด เพราะนี่ไม่ใช่หนังไซไฟดิสโทเปียอย่างที่เราคิด เป็นภาพยนตร์ดราม่าที่เต็มไปด้วยชั้นสะท้อนถึงแง่มุมของความไม่เท่าเทียมกันทางชนชั้น บรรยากาศยิ่งเหมือนหนังที่สร้างขึ้นเพื่อชนะรางวัลแบบนั้นอีกด้วย
ในการสร้างบรรยากาศของ The Kitchen ถือได้ว่ายังคงมีรสชาติแบบอังกฤษอยู่มาก มันเป็นโลกดิสโทเปียของอังกฤษที่คุณสามารถบอกได้ว่าอยู่ที่ไหนจากภายนอก สร้างรายละเอียดในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม ให้ความรู้สึกถึงความชื้นในบรรยากาศ ด้วยอาคารสไตล์เรียบๆ ที่สร้างเส้นแบ่งระหว่างเส้นแบ่งทางสังคมของเกาะอังกฤษอย่างชัดเจน องค์ประกอบ ณ จุดนี้ถือว่าใช้ได้ในภาพยนตร์ค่อนข้างมาก
ไซไฟที่มีฉากหลังเป็นการตีแสกหน้าใส่คนลอนดอน รีวิวหนัง The Kitchen
แต่ด้วยโทนและจังหวะของเรื่องที่นุ่มนวลไปหน่อย แม้ว่าตัวหนังจะพยายามเพิ่มกลิ่นอายของหนังในอนาคตที่สิ้นหวังอย่าง Children of Men แต่ก็ยังผสมผสานกับอารมณ์อังกฤษอย่าง Attack the Block เข้าไปเสริมรสชาติให้กับเมนูนี้อีกด้วย แม้ว่ารสชาติอาจจะไม่อร่อยที่สุดแต่ก็ยังเป็นเมนูที่ยังกินได้อยู่ เพราะมีองค์ประกอบอื่นที่งานดีช่วยส่งเสริมได้
ส่วนตัวผมคิดว่า The Kitchen น่าจะเป็นหนังที่ถ้าคนไม่ซื้อ นั่นคือมันไม่ควรจะน่ายินดีเลยที่จะติดตามเลย แต่ถ้าใครมีหัวใจให้กับหนังเรื่องนี้ ก็น่าจะสัมผัสถึงธรรมชาติที่แท้จริงของหนังที่ต้องการถ่ายทอดข้อความได้ ผ่านบรรยากาศและโครงสร้างของหนังทั้งเรื่อง เพราะถือได้ว่าเป็นหนังที่มีคอนเซ็ปต์และบทภาพยนตร์ค่อนข้างเฉียบคม
ส่วนการแสดง ถึงแม้จะใช้นักแสดงชาวอังกฤษเกือบทั้งหมดแต่ก็แสดงได้ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยเฉพาะแร็ปเปอร์หนุ่ม “คาโนะ” ที่กลับมาแสดงหนังอีกครั้งในรอบทศวรรษ ด้วยบทบาทที่จริงจังและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แตกต่างจากตัวละครศิลปินของเขา และถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าพอใจ มันเหมือนกับสไตล์การแสดงที่คาดไม่ถึงรีวิวหนัง The Kitchen
ขณะเดียวกันดาวรุ่งดาวรุ่ง “เจไดห์ แบนเนอร์แมน” ถือว่ามีแววมีผลงานภาพยนตร์เรื่องใหญ่เรื่องแรกของเขา แม้ว่าประสบการณ์อาจจะไม่มากก็ตาม แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจและน่าจะนำไปพัฒนาต่อยอดกับผลงานอื่นๆ ในอนาคต อย่าง “โฮป อิคโปกุ จูเนียร์” ครับ ที่มาพร้อมกับท่าแสดงไม่กี่อย่าง แต่เยอะ และแรงไม่น้อย
โดยรวมแล้ว The Kitchen กลายเป็นหนังไซไฟที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจและสะท้อนถึงสภาพของสังคมได้ อย่างน้อยที่สุดหนังเรื่องนี้ก็เป็นกระบอกเสียงให้กับสังคมที่กำลังเผชิญกับความไม่เท่าเทียมกันอย่างรุนแรง องค์ประกอบค่อนข้างดี บทก็ดี โครงสร้างก็ดี แต่ลีลาการทอเรื่องอาจไม่ถูกใจคนดู
ทำให้หนังสะท้อนถึงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในยุคดิสโทเปียนี้ เป็นหนังที่เรียกได้ว่าเป็นหนังคุณภาพเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าวัตถุดิบยังขาดไปบางส่วนเพื่อช่วยรั้งหนังเอาไว้ มันกลายเป็นหนังสะเทือนอารมณ์ที่ไม่เคยไปตลอดทาง รวมไปถึงการสร้างสถานการณ์และการระงับอารมณ์ก็ยังเป็นไปไม่ได้ มันกลายเป็นเพียงหนังไซไฟที่มีฉากในลอนดอน แต่มันก็ไม่ได้น่าจดจำขนาดนั้น